Day1
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ – ดูไบ – สนามบินกรุงโจฮันเนสเบิร์ก (อัฟริกาใต้)
13.30 น. พร้อมคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรสท์ แอร์ไลน์ เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน จากนั้นเชิญรอ ณ ห้องพักผู้โดยสารขาออก
หมายเหตุ ทางบริษัทได้จัดเตรียมการเดินทางของคณะทัวร์ 15 วันก่อนการเดินทาง โดยซื้อตั๋วเครื่องบิน, เช่ารถโค้ช, จองโรงแรมที่พัก, ร้านอาหาร ตลอดจนสถานที่เข้าชมต่าง ๆ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมให้กับกรุ๊ปทัวร์ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์อันสุดวิสัยอาทิ การยกเลิกเที่ยวบิน, การล่าช้าของสายการบิน, การพลาดเที่ยวบิน (ขึ้นเครื่องไม่ทัน), การนัดหยุดงาน, การก่อการจลาจล, ภัยธรรมชาติ รวมถึงการถูกปฏิเสธการเข้าเมือง อันเป็นผลทำให้การเดินทางล่าช้า หรือ ไม่สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางได้ตามโปรแกรม หัวหน้าทัวร์ มีสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนโปรแกรม และไม่สามารถคืนเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ท่านได้ชำระมาแล้ว เพราะทางบริษัท ฯ ได้มีการตกลงชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว และหากมีค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากในรายการทัวร์ หัวหน้าทัวร์จะแจ้งให้ท่านทราบ เพราะเป็นสิ่งที่ทางบริษัทฯ มิอาจรับผิดชอบได้
16.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองโจเบิร์ก โดยสายการบินเอมิเรสท์ เที่ยวบินที่ EK377 / EK767 แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ
Day2
โจฮันเนสเบิร์ก – เมืองหลวงพริทอเรีย – พักซาฟารี ลอดจ์ – Evening Game Drive
05.35 น. ถึงสนามบินโจฮันเนสเบิร์ก ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง (นักท่องเที่ยวชาวไทยได้รับการยกเว้นการขอวีซ่า สามารถพำนักในอัฟริกาใต้ได้ 30 วัน)
08.00 น. นำคณะออกเดินทางสู่เมืองพริทอเรีย เมืองแห่งดอกไม้สีม่วง (Pretoria) เมืองหลวงด้านการบริหารของแอฟริกาใต้เมืองนี้ ตั้งตามชื่อของแอนดีส์ พรีทอรีอัส (Andries Pretorius) วีรบุรุษของการต่อสู้รบระหว่างพวกบัวร์ (Boer) กับชนพื้นเมืองผิวดำ พริทอเรีย จึงเป็นเมืองหลวงของชาวบัวร์ที่พยายามต่อสู้กับพวกอังกฤษเพื่อให้ได้อิสรภาพ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานทูตนานาชาติ ธนาคาร ทำเนียบประธานาธิบดีและที่ทำการรัฐบาล วุฒิสภาจะจัดประชุมขึ้นที่เมืองพริทอเรีย สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นและอาจถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเมืองคือ ต้นแจ๊กการันดา (Jacaranda) ที่มีดอกสีม่วงสดบานสะพรั่งดั่งเช่น ซากุระของชาวญี่ปุ่น เมืองนี้ได้สมญานามว่า “City of Jacarandas” ซึ่งจะออกดอกบานสะพรั่งให้ได้เห็นกันในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี นำคณะเที่ยวชม Union Building ทำเนียบประธานาธิบดี และที่ทำการของรัฐบาลที่ใหญ่โตมโหฬารราวกับพระราชวัง จนติดอันดับว่าเป็นทำเนียบประธานาธิบดีที่สวยที่สุดในโลก เข้าชมพิพิธภัณฑ์วูร์เทรคเกอร์ (Voortrekker Monument & Museum) ศูนย์รวมจิตใจของชนผิวขาวเชื้อสายดั้งเดิมของชาวบัวร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการเดินทางอพยพของพวกบัวร์จากปลายแหลมของทวีป เข้าสู่ใจกลางประเทศแอฟริกาใต้และร่วมฉลองครบรอบ 100 ปีของการสู้รบกับชาวพื้นเมือง
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
13.30 น. หลังอาหาร นำคณะออกเดินทางสู่เขตวนอุทยานสัตว์ป่าขุนเขาพีลันเนสเบิร์ก และป่าซาฟารีของเอกชนเปิดให้ท่านได้ท่องป่าซาฟารี นำท่านเข้าพักในซาฟารีลอดจ์ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร จากนั้นนำท่านออกท่องป่าซาฟารีในช่วงเย็น สัตว์ป่าบางชนิดของอัฟริกาออกหากินในยามเย็นไม่ว่าจะเป็น BIG FIVE ไปจนถึงเพื่อนๆ ที่น่ารักอย่างยีราฟ ม้าลาย ฮิปโปโปเตมัส และนกนานาชนิด ท่ามกลางบรรยากาศยามอัสดง
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารใน Lodge
นำท่านเข้าสู่ที่พัก BAKUBUNG BUSH LODGE หรือ KWA MARITANE BUSH LODGE
Day3
ท่องป่าซาฟารี Morning Game Drive – อาณาจักรซันซิตี้ – พักโรงแรมเดอะพาเลซ
06.00 น. ท่องป่าซาฟารีดูสัตว์ที่วนอุทยานสัตว์ป่าขุนเขาพีลาเนสเบิร์ก Pilanesburg Nature Reserve วนอุทยานสัตว์ป่าขุนเขาพีลาเนสเบิร์ก รถที่จะพาไปชมสัตว์เป็นรถแบบเปิดโล่งด้านข้างเปิดโล่งรับลม จุคนได้ 20 คน รถแต่ละคันจะมีนายพราน หรือ Ranger ซึ่งเป็นทั้งคนขับรถและไกด์คอยแนะนำวิธีการชมสัตว์ให้ทราบ ป่าพิลาเนสเบิร์กแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 500 ตารางกิโลเมตร พื้นที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อหลายร้อยปีก่อน ทำให้ผืนดินมีแร่ธาตุอุดมสมบรูณ์ มีความเขียวชอุ่มเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานับชนิด และแน่นอนหมายรวมถึง ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า (Big Five) คือ ควายป่า ช้าง สิงโต แรด และเสือดาว ซึ่งถ้าได้เห็นครบก็ถือได้ว่าเป็นการชมสัตว์ที่สมบูรณ์ แต่ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะสัตว์ที่นี่อยู่กันอย่างอิสระ ในป่าซึ่งเป็นป่าโปร่ง ป่าละเมาะและทุ่งหญ้าสะวันนา จนถึงกึ่งทะเลทราย อัฟริกาใต้มีสัตว์ป่ากว่า 220 ชนิด ซึ่งสัตว์ป่าที่มีชีวิตอยู่อย่างอิสระตามธรรมชาติ
08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของลอด์จ
11.00 น. หลังอาหาร นำคณะออกเดินทางเข้าสู่ “ซันซิตี้” Sun City หรือ The Lost City เมืองลับแลแห่งหุบเขาแสงตะวัน เป็นเมืองที่ถูกเนรมิตขึ้นจากความคิดของอภิมหาเศรษฐีที่ชื่อว่าซอล เคิร์ซเนอร์ ที่ลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลถึง 28,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างนาน 18 ปี และความพยายามอีกล้นเหลือในการเนรมิต ผืนดินอันว่างเปล่าและแห้งแล้งในแคว้น Bophuthatswana กลางอัฟริกาใต้ให้กลายเป็นเมืองแห่งความสำราญบันเทิงทุกรูปแบบ โดยการเริ่มสร้างโรงแรมไปเรื่อยๆ ตั้งแต่โรงแรมเดอะซันซิตี้, โรงแรมเดอะคาบานาส, โรงแรมเดอะคาสเคด จนในปีค.ศ. 1992 เขาก็ได้สร้างโรงแรมที่ที่หรูราคาแพงที่สุดในบรรดาโรงแรมทั้งหลายที่ได้กล่าวมานามว่า เดอะพาเลซ (The Palace or The Palace of the Lost City) ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียนผสมแอฟริกัน และตกแต่งภายในสไตล์แอฟริกัน ให้สมกับเป็นอาณาจักรอลังการดาวล้านดวงแห่งนี้
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในอาณาจักรซันซิตี้
บ่าย อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวก มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และทะเลน้ำจืดเทียมขนาดใหญ่ยักษ์ที่เรียกว่า Valley of Wave มีลักษณะเหมือนทะเลจริงๆ แวดล้อมด้วยขุนเขาและต้นไม้ที่จัดตกแต่งอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ใกล้ๆ กันคือ สะพานแห่งกาลเวลา Bridge of time สองข้างสะพานมีช้างแกะสลักเรียงรายอยู่ สะพานนี้เชื่อมต่อกับกองหินมหึมา ที่เชื่อว่าเป็น The Lost City ที่สูญหายไป และเพื่อเป็นการตอกย้ำระลึกถึงความทรงจำเขาเลยสร้างสะพานแห่งนี้ขึ้น ทุกๆหนึ่งชั่วโมงสะพานจะถูกเขย่าเสมือนแผ่นดินไหว นอกเหนือจากนี้ยังมีสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานโลก ที่ใช้เป็นสถานที่แข่งขันกอล์ฟนัดสำคัญๆ มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ออกแบบโดยนักกอล์ฟชื่อดังของโลก Gary Player คือ Gary Player Golf Course และ Sun City Golf Course โรงภาพยนตร์ ร้านค้า บาร์ คาสิโนที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เมืองนี้ไม่เคยหลับใหล สวนสัตว์ สวนพฤกษศาสตร์ที่รวบรวมพันธุ์ไม้จากทั่วโลกเอาไว้ พร้อมน้ำตก และธารน้ำไหลรินเอื่อยๆ ที่สร้างความสดชื่อสบายอย่างบอกๆไม่ถูก บางสถานที่และกิจกรรมบางประเภทถูกสงวนไว้สำหรับแขกที่มาพัก The Palace เท่านั้น
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในอาณาจักรซันซิตี้
นำท่านเข้าสู่ที่พัก THE PALACE OF THE LOST CITY
Day4
ซันซิตี้ – โจฮันเนสเบิร์ก – อิสระช้อปปิ้ง – สวนเสือ – ชิมเนื้อสัตว์ป่าที่ภัตตาคารคาร์นิวอร์
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
10.00 น. ได้เวลาอันสมควร นำคณะออกเดินทางกลับสู่นครโจฮันเนสเบิร์ก
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
13.30 น. จากนั้น นำท่านเที่ยวชมย่านธุรกิจค้าเพชร ที่อัฟริกาใต้มีเหมืองเพชรขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกอีกทั้งยังมีชื่อเสียงในเรื่องของอัญมณีล้ำค่า
16.00 น. นำคณะออกเดินทางเข้าสู่สวนเสือ The Lion Park พาท่านนั่งรถชมชีวิตสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาพฤติกรรมของสัตว์โลกผู้น่ารักอย่างใกล้ชิด อาทิ โซนเจ้าป่า ซึ่งจะรวม White Lion, Cheetah, Wild Dog และยังมีโซนสัตว์ตระกูลมีเขาอย่าง Springbuck, Gemsbok, Blesbok, ยีราฟ และ ม้าลาย อิสระให้ท่านได้เก็บภาพประทับใจก่อนเดินทางกลับ
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำสไตล์อัฟริกัน ณ ภัตตาคารคาร์นิวอร์ BBQ หอมกรุ่น ที่มีเนื้อหลากหลายชนิดให้ท่านได้ทดลองชิมท่ามกลางบรรยากาศอันโรแมนติก
นำท่านเข้าสู่ที่พัก MONDIOR HOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
Day5
โจฮันเนสเบิร์ก – เคปทาวน์ – ฟาร์มนกกระจอกเทศ – เทเบิ้ล เมาเท่น – ไวน์เทสติ้ง – V&A วอเตอร์ฟร้อนท์
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
08.30 น. ออกเดินทางสู่เมืองเคปทาวน์ โดยสายการบินภายในประเทศ
12.05 น. ถึงเคปทาวน์ ตั้งอยู่ในแหลมทางใต้สุดของประเทศ เป็นเมืองท่องเที่ยวต่างอากาศ และยังมีแหลมต่างๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือแหลมกู๊ดโฮป และแหลมอากุลฮาส ซึ่งตั้งอยู่ปลายใต้สุดของทวีปแอฟริกา เป็นจุดที่มหาสมุทรแอตแลนติคและมหาสมุทรอินเดียมาบรรจบกันจึงทำให้มีอากาศแปรปรวน และบริเวณเมืองริมฝั่งทะเลของเคปทาวน์นี้ เป็นเส้นทางที่น่าเที่ยวที่สุดและมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง นำท่านสู่ West Coast Ostrich Farm ฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศขนาดใหญ่ เพื่อที่ท่านจะได้สัมผัสกับวงจรชีวิตของนกกระจอกเทศอย่างใกล้ชิด รับชมและรับฟังเรื่องราวของการเลี้ยงนกกระจอกเทศ อันเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ทำรายได้ดี ตลอดจนวงจรชีวิตของสัตว์ปีกที่มีขนาดใหญ่และวิ่งเร็วที่สุดในโลก
13.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน เมนูสเต็กเนื้อนกกระจอกเทศ ณ ภัตตาคาร
14.30 น. จากนั้นนำคณะขึ้นสู่เทเบิ้ล เมาเท่น ภูเขาสูงยอดตัดตรง เหมือนกับโต๊ะ โดยกระเช้าไฟฟ้าหมุนรอบตัวเอง (Cable Car) ซึ่งในช่วงที่ลมแรงหรือมีฝนตกจะหยุดวิ่งทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้มาเยือน ขึ้นมาด้านบน มีเส้นทางเดินลัดเลาะไปตามแนวขอบเขา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวรอบด้านได้อย่างชัดเจน ไกลไปจนถึงตัวเมืองเคปทาวน์ทีเดียว บนภูเขาโต๊ะนี้มีสัตว์ตัวเล็กประเภทหนึ่งหน้าตาน่าเอ็นดู ชื่อว่าตัวแดสซี่ หรือ กระต่ายหิน (Dassie or Rock Rabbit) มีลักษณะกึ่งผสมระหว่างกระรอกกับกระต่าย เป็นมิตรกับผู้คนที่ผ่านมาเยือน เมื่อมองไปรอบๆ เราจะเห็นภูเขารายล้อมหลายต่อหลายลูก แต่ที่โดดเด่นคือ ไลอ้อนเฮด (Lion Head) ภูเขาที่มองดูแล้วใครๆ ก็ต้องพูดว่าคล้ายหัวสิงโตในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าภูเขาลูกนี้มีสีแดงสวยงามยิ่งนัก
หมายเหตุ กระเช้า Cable Car จะปิดทำการในช่วงที่ลมแรงหรือมีฝนตกจะหยุดวิ่ง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้มาเยือน โดยทางกลุ่มฯ จะจัดให้ขึ้นชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเคปทาวน์บนยอดเขา Signal Hill แทน
จากนั้นนำท่านแวะชมไร่องุ่นและแหล่งผลิตไวน์กันที่ กรูทคอนสแตนเทีย ไวน์เอสเตทแห่งแรกที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบเคปดัชต์ ซึ่งยังคงรักษาอาคารบ้านเรือนสมัยเก่าไว้ได้ในสภาพที่ดีเยี่ยมและสวยงาม มีไร่องุ่นมากมายและเป็นไร่องุ่นที่ดี มีโรงงานผลิตไวน์แดง และมีบริการให้ชิมไวน์กันด้วย จนได้เวลาอันสมควรนำคณะ เดินทางสู่ย่าน Victoria & Alfred Waterfront วิคตอเรีย แอนด์ อัลเฟรด วอเตอร์ฟร้อนท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ให้คุณได้สัมผัสความมีชีวิตชีวาของเคปทาวน์ มีร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และเป็นท่าเทียบเรือขนาดเล็กอีกด้วย
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน เลิศรสกับเมนูพิเศษกุ้งมังกร+เป๋าฮื้อ
นำท่านเข้าสู่ที่พัก THE COMMODORE HOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
Day6
เกาะแมวน้ำ – เคปพอยท์ – แหลมกู๊ดโฮป – นกเพนกวิน
07.30 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
08.30 น. รถปรับอากาศนำคณะเที่ยวชมความงดงามที่ซ่อนเร้นของเมืองเคปทาวน์ เมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ปลายสุดทางฝั่งตะวันตกของทวีปอัฟริกาใต้ เป็นเมืองหลวงด้านนิติบัญญัติของอัฟริกาใต้ มีอดีตเก่าแก่และทันสมัยที่สุด แถมด้วยรางวัลการเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าใจกว้างที่สุดของอัฟริกาใต้อีกด้วย เพราะที่เมืองนี้คนต่างสีผิวสามารถเดินเคียงบ่าเคียงกันได้ทุกสถานที่ คณะลงเรือที่ท่าฮูทเบย์ (Hout Bay) เพื่อไปชมแมวน้ำที่ เกาะดุยเกอร์ (Duiker Island) เหล่าแมวน้ำตัวอ้วนอุยนอนเบียดเสียดอาบแดดกันเต็มเกาะตามธรรมชาติ แล้วแวะเยี่ยมเหล่าบรรดานกเพนกวินอัฟริกันที่เมืองไซมอน (Simon’s Town) ณ เมืองแห่งนี้บ้านเรือนจะตั้งลดหลั่นกันอยู่ตามเนินเขา หันหน้าออกทะเล ซึ่งเจ้าของส่วนมากเป็นคนมีฐานะทั้งนั้น เมื่อมาถึงบริเวณชายหาดโบลเดอร์ เจ้าบ้านตัวน้อยนกเพนกวินอัฟริกัน ตัวผู้มีสีสันมากกว่าตัวเมีย โดยเฉพาะบริเวณขอบตาจะมีสีชมพู คล้ายแต้มสีอายแชโดว์ไว้อย่างนั้น ส่วนตัวเมียจะไม่มี ลำตัวมีสีดำขาวตัดกัน แต่ตัวเมียมีสีน้ำตาล และมีขนาดใหญ่กว่า นกเพนกวินที่นี่ใช้ชิวิตอย่างอิสระสบายอารมณ์ตามธรรมชาติ แล้ว เดินทางสู่แหลมแห่งความหวัง หรือ แหลมกู๊ดโฮป
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เสริฟ์ด้วยเมนูกุ้งมังกร (Crayfish)
14.00 น. นำท่านเที่ยวชมแหลมแห่งความหวัง หรือ แหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) อยู่ในเขตสงวน Cape of Good Hope Nature Reserve ปลายสุดแหลมมีประภาคารขนาดใหญ่ จะเห็นรอยตะเข็บที่มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติกมาบรรจบกันได้ชัดเจน บนผิวน้ำซึ่งเป็นเหตุให้บริเวณนี้ ท้องทะเลมักมีหมอกลงจัดอากาศแปรปรวน ทั้งนี้เพราะกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นมาปะทะกัน ทำให้ยากต่อการเดินทางโดยทางเรือทั้งในสมัยโบราณและปัจจุบัน ทัศนะวิสัยไม่ดีนักทำให้เรือชนหินโสโครกหรือชนกันเองเสมอๆ จนก่อให้เกิดเรื่องราวของภาพหลอน มิติอันลี้ลับและเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับฟลายอิ้งดัตช์แมน Flying Dutchman ซึ่งเป็นชื่อเรือที่นักเดินทางเรือชาวดัตช์ ที่พยายามจะเดินทางอ้อมผ่านแหลมกู๊ดโฮป ให้ได้แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ทำให้เรือสูญหายไปในทะเลท่ามกลางหมกหนาทึบจนทุกวันนี้ และจุดชมวิวที่สวยที่สุดคือ Cape Point เคปพอยท์ จนได้เวลาอันสมควร นำคณะออกเดินทางกลับสู่เมืองเคปทาวน์
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก THE COMMODORE HOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
Day7
เคปทาวน์ – สแตลเลนบอช – ไวน์เทสติ้ง – คณะเดินทางกลับกรุงเทพฯ
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
08.00 น. เดินทางตามเส้นทาง Wine Route แหล่งรวมไร่องุ่นและแหล่งผลิตไวน์ขึ้นชื่อที่ สแตลเลนบอช Stellenbosch หรือ City of Oak เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องการทำไวน์เก่าแก่เป็นอันดับสองของแอฟริกาใต้ และที่นี่ยังมีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนการทำไวน์โดยเฉพาะ (Wine Maker) นำท่านชม พิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน (Stellenbosch Village Museum) ซึ่งภายในบ้านจำลองสภาพความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนถึง 4 ยุค อันได้แก่ กระท่อมชเรียดอร์เฮยสโบราณ (1690-1720), บ้านเบลตเตอร์มันเฮยส (1750-1790), บ้านกรอเวอร์เนอร์สไตล์จอร์เจีย (1800-1830) และ บ้านเมอเรย์สไตล์วิคตอเรียยุคกลาง (1840-1870) อิสระให้ท่านได้เดินเล่นภายในเมือง ซึ่งยังคงรักษาอาคารบ้านเรือนสมัยเก่าไว้ได้ในสภาพที่ดีเยี่ยมและสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ Neethlingshof Wine Estate แหล่งผลิตไวน์ขึ้นชื่อที่อยู่ใจกลางสแตนแลนบอชซ่อนตัวอยู่บนเนินเขา Bottelary และภูเขา Papegaaisberg
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำคณะชมโรงงานผลิตไวน์แดงคุณภาพ ซึ่งที่นี่มีบริการให้ชิมไวน์กันด้วย สำหรับท่านที่ชื่นชอบก็สามารถซื้อติดมือกลับบ้านได้ในราคาย่อมเยา จนได้เวลาอันสมควรนำคณะเดินทางกลับสู่เมืองเคปทาวน์
16.30 น. จนได้เวลาอันสมควรนำคณะเดินทางกลับสู่สนามบินเมืองเคปทาวน์
20.05 น. เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ สายการบินเอมิเรสท์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK779 / EK372
(แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ)
Day8
ดูไบ – กรุงเทพฯ
19.15 น. คณะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ
(หมายเหตุ โปรแกรมดังกล่าวข้างต้น เป็นการนำเสนอโปรแกรมท่องเที่ยว ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการจัดโปรแกรม
ของแต่ละวันเดินทางจะไม่เหมือนกัน โปรแกรมท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ครบถ้วน จะส่งให้ท่าน 7 วันก่อนการเดินทางเท่านั้น)
TAT License No. 11/08663
โทรศัพท์ 02-664-3020 – 1
แฟกซ์ 02-664-3022
อีเมล์ info@myjourney.co.th
Line ID: myjourneytravel
Developed by : Idoconnect.com