ร่วมชมความงดงามของมรดกโลกในดินแดนแห่งสมรภูมิในอดีต เมืองที่มีความงดงามและเป็นเอกลักษณ์ที่สุดในโลก สร้างคติเตือนใจและแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นหลัง โดยสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติอันบริสุทธิ์กับกลิ่นอายของความเป็นท้องถิ่น กับดินแดนใหม่ ๆ ที่นี่คือ โปแลนด์ ฮังการี ออสเตรียและเยอรมนี
Day1
นัดพบเพื่อทำการเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ
นัดหมายคณะพร้อมกันที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เคาน์เตอร์ T ชั้น 4 (ประตู 9) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน
Day2
กรุงเทพฯ – ดูไบ – วอร์ซอ – วาเชียนกี้
ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ด้วยสายการบินระดับโลกอย่าง “เอมิเรตส์ แอร์ไลน์” เที่ยวบินที่ EK385 เวลา 01.35 – 04.45 น. (ณ เวลาท้องถิ่นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) รอต่อเครื่องไปยังท่าอากาศยานวอร์ซอ ชอแปง ประเทศโปแลนด์ โดยเที่ยวบินที่ EK179 เวลา 08.05 – 12.10 น. (ณ เวลาท้องถิ่นประเทศโปแลนด์) ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และรอสัมภาระ เมื่อได้สัมภาระเรียบร้อย พาคณะออกเดินทางด้วยรถโค้ชปรับอากาศเพื่อเดินทางไปเยี่ยมชมพระราชวังเกาะกลางน้ำ “วาเชียนกี้” (Łazienki Palace) กษัตริย์ สตานิสลอว์ที่ 2 ออกุสตุส ได้ทรงซื้อที่ดินและอาคารหลังนี้ในปี ค.ศ.1766 และปรับเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังฤดูร้อน เพื่อเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของกษัตริย์ในราชวงศ์โปแลนด์เรื่อยมาพระราชวังแห่งนี้ได้เคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เมื่อครั้งเสด็จประพาสวอร์ซอว์ ในปี ค.ศ. 1897 จากนั้นเดินทางต่อเพื่อเยี่ยมชมบรรยากาศของเมืองวอร์ซอ และถ่ายภาพจุดสำคัญอย่าง “ศูนย์วัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์วอร์ซอ” อาคารในรูปแบบนีโอคลาสสิคโกธิก หรือที่ในแถบยุโรปตะวันออกเรียกว่า “รูปแบบสังคมนิยม” ที่ทั้งโอ่อ่า สูงเด่นเป็นสง่าที่สุดในเมืองวอร์ซอ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day3
พระราชวังหลวง – โชแปงมิวเซียม
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เข้าชมมรดกโลก “พระราชวังหลวง” (The Royal castle Warsaw) แบบเจาะลึกไปกับมัคคุเทศก์ท้องถิ่น โดยพระราชวังหลวงแห่งนี้เป็นที่ประทับหลักของราชวงศ์โปแลนด์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1619 โดยด้านในประดับตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองส์ บาโรก มีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น ห้องบรรทม ห้องทรงงาน ห้องโถงว่าราชการ ห้องประชุมสภาขุนนาง เป็นต้น จากนั้นเดินเยี่ยมชมจัตุรัสเมืองเก่าวอร์ซอ และหาซื้อสินค้าที่ระลึกที่น่าสนใจ อาทิ เครื่องแก้ว เซรามิก งานไม้แกะสลัก ตุ๊กตาไม้ เป็นต้น
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เข้าชมพิพิธภัณฑ์เฟดเดอริก โชแปงมิวเซียม (Fryderyk Chopin Museum) พิพิธภัณฑ์ดนตรีที่ถูกสร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่นักประพันธ์เพลงชื่อดังท้องถิ่น ได้แก่ เฟดเดอริก โชแปง (1810 – 1849) โดยมีผลงานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในประเภทดนตรีคลาสสิค ได้แก่ เพลงบรรเลง “Trio for Piano, Violin and Cello, Op. 8 in G minor” เมื่อได้เวลาอันสมควรคณะเดินทางสู่เมืองมรดกโลก “กรากุฟ” (Krakow) ( 294 ก.ม. )
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day4
เหมืองเกลือ – มรดกโลกค่ายเอาชวิทซ์
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เข้าชมมรดกโลกเหมืองเกลือ “วิลลิชก้า” (Wieliczka Salt Mine) อาณาจักรเกลือเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เกลือนั้นถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในอดีต เปรียบได้ดั่งทองคำ เพราะเกลือสามารถนำไปแปรรูปใช้งานได้ไม่สิ้นสุด จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้โปแลนด์เคยเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปตะวันออก โดยด้านในจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ มีโบสถ์ใต้ดินขนาดใหญ่ ประดับด้วยโคมไฟสวยงาม รวมถึงรูปแกะสลักของพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของชาติอีกด้วย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นเดินทางไปยังเมืองออสวิชิม (Oswiecim) เพื่อเยี่ยมชมมรดกโลกพิพิธภัณฑ์ค่ายกักกันเอาชวิทซ์ ( Auschwitz) ค่ายกักกันเชลยศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสุสานของเชลยศึกกว่า 1.3 ล้านคน ที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับความกักขฬะและบ้าเลือดของผู้นำอย่าง “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์”
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day5
กรากุฟ – บูดาเปสต์
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เดินเยี่ยมชมมรดกโลกเมืองหลวงเก่าของโปแลนด์อย่าง “กรากุฟ” (Krakow) โดยเก็บภาพกับสถานที่สำคัญอย่างปราสาทหลวงเววิล (The Royal Wawel Castle) และเดินต่อไปยังจัตุรัสเมืองเก่า มีสถานที่สำคัญ อาทิ พิพิธภัณฑ์การค้าขาย (Cloth hall) โบสถ์เซนต์แมรี่ (St. Mary Basilica) เป็นต้น โดยอาคารบริเวณนี้ล้วนถูกก่อสร้างในแบบเรเนซองส์ และมีสีสันเป็นแนวสีโทนอ่อนทั้งสิ้น ซึ่งทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่งของเมืองกรากุฟ
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เมื่อได้เวลาอันสมควรเดินทางต่อไปยังเมืองบูดาเปสต์ (Budapest) ประเทศฮังการี ผ่านอุทยานแห่งชาติทาทรา (Tatra National Park) (395 ก.ม.) ผ่านประเทศสโลวาเกีย จากนั้นตรงเข้าไปยังประเทศฮังการี เพื่อเดินทางไปยังเมืองบูดาเปสต์ เมืองหลวงที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day6
เอสตาร์กอม – วิเซกราด – เซนเทนเดอร์ – ล่องเรือแม่น้ำดานูบ
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เยี่ยมชมความงดงามของแม่น้ำดานูบผ่าน 3 มุมมองจาก 3 ตำบลชนบท โดยเดินทางไปชมโบสถ์เอสตาร์กอม ณ ตำบลเอสตาร์กอม (Esztergom) โบสถ์เก่าแก่ในรูปแบบนีโอปราการเก่าแก่บนเนินเขากับสุดยอดวิวทิวทัศน์ และสุดท้ายเดินทางไปชมหมู่บ้านเซนเทนเดอร์ คลาสสิค ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง รวมไปถึงจุดชมวิวแม่น้ำดานูบที่งดงาม จากนั้นเดินทางต่อไปยังปราสาทวิเซกราด ณ ตำบลวิเซกราด (Visegrad) ชมวิวของแม่น้ำจากป้อมณ ตำบลเซนเทนเดอร์ (Szentendre) ที่มีกลิ่นอายความเป็นเมืองแห่งศิลปะ มีถนนคนเดินกับร้านค้า ขายสินค้าท้องถิ่นเล็ก ๆที่มีเอกลักษณ์ พร้อมถ่ายภาพสวยงามเก็บเป็นที่ระลึก
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ล่องเรือชมความงดงามริมสองฝากฝั่งแม่น้ำดานูบ ของตัวเมืองฝั่งบูดาและเปสต์ (Budapest Legenda Cruise) โดยผ่านจุดที่น่าสนใจของตัวเมือง อาทิ อาคารรัฐสภา ปราสาทบูดา สะพานโซ่ เกาะมาร์กาเร็ต เป็นต้น จากนั้นอิสระช้อปปิ้งบริเวณถนนคนเดิน
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day7
บูดาเปสต์ – กราซ
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เที่ยวชมเมืองฝั่ง “บูดา” เพื่อเข้าชม “ป้อมชาวประมง” (Fisherman’s Bastion) โดยจากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวเมืองบูดาเปสต์ได้อย่างงดงาม ใกล้กันมีทําเนียบประธานาธิบดี และโบสถ์แมธเธียส ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่มีอายุกว่า 700 ปี นำท่านกลับไปยังฝั่ง “เปสต์” เพื่อถ่ายรูปบริเวณลาน “จัตุรัสวีรบุรุษ” สร้างไว้ระลึกถึงการสร้างชาติของชนชาติชาวฮังกาเรียนมีรูปหล่อบรอนซ์ของบรรพบุรุษชาวแมกยาร์ทั้ง 7 เผ่า ที่รวมตัวกันสร้างประเทศส่งต่อมายังรุ่นหลานจนถึงปัจจุบัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เมื่อได้เวลาอันสมควรเดินทางต่อไปยังเมืองกราซ (Graz) แคว้นสติเรีย ประเทศออสเตรีย ( 394 ก.ม.) ถูกยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกที่มีบรรยากาศดีมาก เงียบสงบ เหมาะแก่การพักตากอากาศ เดินสำรวจย่านเมืองเก่าที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ อาทิ หอศิลปะเมืองกราซ สะพาน Grazer Murinsel เป็นต้น
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day8
ฮัลล์สตัทท์ – ซัลบวร์ก
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
ออกเดินทางไปเยี่ยมชมมรดกโลก ได้แก่เมืองตากอากาศริมทะเลสาบ “ฮัลล์สตัทท์” (Hallstatt) หมู่บ้านชนบทที่สวยงามและได้รับความนิยมสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก จากนั้นขึ้นไปยังจุดชมวิวพาโนรามาที่สวยงามที่สุดของเมืองบน “ฮัลล์สตัทท์ สกายวอร์ค” (Hallstatt Skywalk) เพื่อเก็บภาพความประทับใจและบรรยากาศที่สุดวิเศษ
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นเดินทางไปยังเมืองซัลบวร์ก (Salzburg) (77 ก.ม.) เมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากภาพยนตร์เพลงเรื่อง The Sound of Music (ค.ศ.1965) เพราะใช้เมืองนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำ และถ่ายภาพกับปราสาทมิราเบลและสวนมิราเบล จากนั้นเยี่ยมชมมรดกโลกเมืองเก่าซัลบวร์ก กับบ้านเกิดของศิลปินชื่อก้องโลก “โวล์ฟกัง อมาดิอุส โมซาร์ท” และอิสระช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมและท้องถิ่นที่ถนนคนเดินย่านเมืองเก่า
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day9
มิวนิก – ช้อปปิ้ง – ดูไบ – กรุงเทพมหานคร
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองมิวนิก (Munchen) ประเทศเยอรมนี ถ่ายภาพกับพระราชวังฤดูร้อนนิมเฟนบูร์ก (1664) วังแห่งเจ้าผู้ปกครองแห่งแคว้นบาวาเลีย ประตูชัยเมืองมิวนิก เขตย่านเมืองเก่า จัตุรัสมาเรียน และศาลาว่าการเมืองมิวนิก ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่สำคัญและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเก็บภาพเป็นความทรงจำที่สวยงามเป็นที่ระลึก
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
อิสระช้อปปิ้งของแบรนด์เนม และสินค้าท้องถิ่นที่ถนนคนเดินแม็กซิมิเลี่ยน อย่างจุใจ เช่นRimowa, Loui Vuitton, Prada, Hermes, Chanel, Rolex, Patek Philip, Panerai ฯลฯ
รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
เมื่อได้เวลาอันสมควรเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติมิวนิก เพื่อทำการเช็คอิน การคืนภาษีสำหรับการช้อปปิ้ง และเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK052 เวลา 22.35 – 06.30 (+1) น. (ณ เวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เพื่อรอเปลี่ยนเครื่องเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
Day10
ดูไบ – กรุงเทพมหานคร
ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK418 เวลา 08.45 – 18.05 น. (ณ เวลาท้องถิ่นประเทศไทย) ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ