สำรวจดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ที่ผสมผสานด้วยศิลปะวัฒนธรรม แบบคริสต์ อิสลามและฮิบรู โดยมีความหลากหลายทั้งศาสตร์และศิลป์ต่าง ๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างนักเดินทางสำรวจโลกในอดีต ส่งผลให้กลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ มั่งคั่ง ร่ำรวยและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลกในเวลาต่อมา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นของโลกสมัยใหม่ด้วย เพราะที่นี่คือ สเปน โปรตุเกส
Day1
นัดพบเพื่อทำการเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ
นัดหมายคณะพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เคาน์เตอร์ T ชั้น 4 (ประตู 9) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน
Day2
กรุงเทพ ฯ – ดูไบ – ลิสบอน
ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ด้วยสายการบินระดับโลกอย่าง “เอมิเรตส์ แอร์ไลน์” เที่ยวบินที่ EK371 เวลา 02.25 – 05.35 น. (ณ เวลาท้องถิ่นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) รอเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบไปยังเมือง “ลิสบอน” เมืองหลวงของประเทศโปรตุเกส โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK191 เวลา 07.25 – 12.35 น. (ณ เวลาท้องถิ่นประเทศโปรตุเกส) เมื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และได้สัมภาระเรียบร้อย จากนั้นคณะเดินทางด้วยรถโค้ชปรับอากาศ
นำคณะออกเดินทางสู่แหลมโรก้า (Cabo Da Roca) เมืองซินทราถือเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยม รวมไปถึงจุดชมวิวที่ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในโปรตุเกส
จากนั้นกลับมาเที่ยวชมกรุงลิสบอน แวะชมหอคอยเบเล็ม (Belem Tower) ป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือเข้า-ออก และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือสำรวจและค้นพบโลกใหม่ของ “วาสโก ดากามา” เป็นสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ รวมไปถึงการบันทึกภาพกับอนุสาวรีย์ “ดิสคัฟเวอรี่” สร้างขึ้นเพื่อฉลองการครบ 500 ปีแห่งการสิ้นพระชนม์ของ “เจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์” และนักเดินเรือสำรวจรอบโลก และอดีต “พระราชวังหลวง” อายุเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นที่พำนักของประธานาธิบดี และแวะชิมขนมโปรตุเกสต้นตำรับของขนมไทย อาทิ ทองหยอด, ฝอยทอง ต้นตำรับแท้ ๆ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day3
ลิสบอน – ซินทรา – พระราชวังเปนา – บาดาโฆช
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เดินทางเข้าสู่เขตเมืองซินทรา (Sintra) เพื่อเข้าชมพระราชวังเปนา (Pena Palace) พระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์เฟอร์ดินานที่ 2 แห่งโปรตุเกส ตั้งอยู่ในอุทยานเปนาที่เป็นเขตมรดกโลก โดยก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ ทำให้พระราชวังล้มพังลง จึงมีการสร้างใหม่ในศตวรรษที่ 19 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์แบบแขกมัวร์ และอีกหลากหลายรูปแบบ อาคารมีสีสันสดใสสามารถเก็บภาพได้อย่างสวยงาม อีกทั้งด้านบนยังนับเป็นจุดชมวิวที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดของโปรตุเกสอีกด้วย ซึ่งถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโปรตุเกสเลยทีเดียว
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นเดินทางสู่เมืองบาดาโฆช (Badajoz) ประเทศสเปน ( 253 ก.ม.)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day4
บาดาโฆช – โตเลโด้ – มาดริด
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
จากนั้นเดินทางสู่เมืองโตเลโด้ (Toledo) ประเทศสเปน ( 363 ก.ม. )
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เมืองโตเลโด้ อดีตเมืองหลวงเก่า ศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสเปน ผสมผสาน 3 วัฒนธรรมอย่าง คริสเตียน อิสลามและฮิบรู ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูง เริ่มต้นการเที่ยวชมเมืองจากหน้าสถานีรถไฟ และข้ามสะพานแบบโรมันดั้งเดิม “ปูเอนเต เด อัลกานตารา” บนเนินเขาจะเห็น “กัสตีโย เด ซาน เซร์บานโด” ป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ชาวโรมันสร้างขึ้นเพื่อปกปักรักษาเมือง แล้วเข้าสู่เขตเมืองเก่าโดยผ่านประตูเมือง “ปูเอร์ตา เด บิซากรา” จะได้ชมความแตกต่างของสถาปัตยกรรมแบบอารบิค, มูเดฆาร์, โกธิคและเรอเนสซองส์ จากนั้นไปที่มหาวิหารแห่งโตเลโด้ สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงาม เดิมมุสลิมใช้เป็นสุเหร่า ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตร อีกด้านหนึ่งท่านจะเห็นป้อมอัลคาซาร์เป็นผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอดในสมัยศตวรรษที่ 16 โบสถ์ยิวที่สำคัญชื่อ “ซินาโกกา ซานตา มาเรีย เดอ ลา บลันกา” จุดเด่นของโบสถ์อยู่ที่หัวเสาสะท้อนถึงอิทธิพลที่ได้รับมาจากศิลปะแบบไบแซนไทน์ ท้ายสุดนี้ท่านสามารถซื้อของที่ระลึกในย่านเมืองเก่า เป็นงานฝีมือที่รู้จักกันดีมี คือ ดาบและมีดเหล็กกล้า แบบเคลือบดำฝังเงินทองและลวดทองแดง นอกจากนี้ยังมีงานเซรามิคทุกประเภท ก่อนอำลาเมืองแวะจุดชมวิว เพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองโตเลโด้ทั้งเมือง ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่จิตรกรชื่อดังของสเปนเอล เกรโก (EI Greco) ได้จำลองลงในแผ่นภาพ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day5
มาดริด – พระราชวังหลวง – จัตุรัสเอสปันญ่า – ปลาซา มายอร์
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เที่ยวกรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน ที่เก่าแก่นับพันปี ถือเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เข้าชมพระราชวังหลวง (Palacio Real) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส ที่มีความสวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังอื่น ๆ ในทวีปยุโรป สร้างด้วยหินทั้งหลัง ในสไตล์บาร็อค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่าง ๆ ที่มีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นที่เก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น และชมอุทยานหลวงที่มีการเปลี่ยนพันธุ์ไม้ทุกฤดูกาล ดอกไม้งดงามตลอดปี ใกล้กันเป็น “ปลาซา เดอ เอสปันญา” (Plaza de Espana) ชมอนุสาวรีย์”เซอร์แวนเตส” กวีเอกชาวสเปน ที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ในสวนสาธารณะ
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำเที่ยวชมน้ำพุไซเบเลส (Cibeles Fountain) ที่สร้างอุทิศให้แก่เทพธิดาไซเบลีน ใช้เป็นสถานที่เฉลิมฉลองในเทศกาลต่าง ๆ ของเมือง อาคารสวยงามใกล้ ๆ กันคือ ที่ทำการไปรษณีย์ ผ่านชมประตูชัยอาคาล่า (Puerta de Alcala) นำคณะเข้าสู่ “ปลาซา มายอร์” (Plaza Mayor) จัตุรัสสำคัญของกรุงมาดริด อาคารเก่าแก่สวยงามในศตวรรษที่ 17 และอดีตที่ทำการเมือง ติดกันเป็นตลาดซันมีเกล (San Miquel) ปัจจุบันเป็นถนนคนเดิน เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย จากนั้นเข้าสู่ “ปูเอต้า เดล ซอล” (ประตูพระอาทิตย์) จัตุรัสใจกลางเมือง ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปนแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดิน รถเมล์ทุกสายรวมถึงยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมือง ที่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง El Corte Ingles ชมอนุสาวรีย์หมีกับต้นมาโดรนา สัญลักษณ์ของเมือง จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเที่ยวย่าน Walking Street
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day6
มาดริด – เกวนก้า -บาเลนเซีย
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เดินทางไปยังเมืองเกวนก้า (Cuenca) ประเทศสเปน (182 ก.ม.) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีความแปลกตา โดยแวะเก็บภาพบนสะพานเซนต์พาโบล ซึ่งมีวิว “บ้านริมหน้าผา” อันเป็นเอกลักษณ์ของเมือง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่บาเลนเซีย (Valencia) (199 ก.ม.) เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสเปน และเป็นเมืองแห่งศิลปะวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพราะมีความสวยงามของสถาปัตยกรรมหลากหลาย ชมหอคอย “ตอร์เรส เด เซอรานอซ” (Torres de Serranos) โดยถือว่าเป็นป้อมปราการที่สำคัญแห่งหนึ่งในสเปน ด้านบนมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ชมจัตุรัสเมืองเก่า มหาวิหารบาเลนเซียน เป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมหลากหลายแขนง รวมไปถึงอารามเก่าแก่ “ซาน มิเกล เด ลอส เรเยส” (San Miguel De Los Reyes Monastery) ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 และสุดท้ายเก็บภาพกับกลุ่มอาคารสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อย่าง พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เจ้าชายฟิลลิปเป้ อิสระช้อปปิ้งกับสินค้าท้องถิ่น
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day7
บาร์เซโลน่า – ชมสนามฟุตบอล เอล กัมป์ โนว
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เดินทางต่อไปยังกรุงบาร์เซโลน่า ( 350 ก.ม.) เมืองหลวงแห่งแคว้นกาตาลุนญ่า เมืองท่าที่มีความเจริญสูงสุดของสเปน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เข้าชมสนามฟุตบอล เอล กัมป์ โนว ของทีมบาร์เซโลน่า หรือคัมป์ นู (Camp Nou) ความจุ 98,787 คน เป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1957 เคยใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี ค.ศ.1982 นำชมความยิ่งใหญ่ของทีมบาร์เซโลน่า ในส่วนที่จัดแสดงเป็นมิวเซียม มีห้องถ้วยรางวัล ห้องจัดแสดงประวัติและเรื่องราวของทีม ห้องผลงานของอัจฉริยะลูกหนัง “ลีโอเนล เมสซี่” ที่รวบรวมแมทช์และการทำประตูอันน่าประทับใจ บอกผ่านด้วยระบบมัลติมีเดีย รวมถึงการชมแมทช์การแข่งขันแบบ พาโนรามา ห้องแถลงข่าว และห้องเก็บตัวของนักฟุตบอลชื่อดังระดับโลก (ในกรณีวันเข้าชมตรงกับการแข่งขัน ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินค่าเข้าชม)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
(อาหารท้องถิ่น โชว์ฟลามิงโก้)
Day8
เที่ยวชมเมืองบาร์เซโลน่า – ดูไบ – กรุงเทพมหานคร
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านไปถ่ายภาพกับผลงานสถาปัตยกรรมของเกาดี้ ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวเมือง จนมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า City of Gaudi บนถนนกราเซีย ท่านจะได้พบกับงานสถาปัตยกรรมอย่าง “กาซ่า บัตโย” ที่ใช้ความคิดว่าการสร้างบ้านไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นตรง อีกแห่งที่น่าชมคือ “กาซา มิลา เกาดี้” ความโดดเด่นคืออาคารที่โค้งเหมือนลอนคลื่น หน้าต่างทรงไข่ ระเบียงที่ลักษณะคล้ายถ้ำ ทางเดินภายในโค้งมน แปลกตาเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นนำท่านไปชมสวนสาธารณะเกวล (Park Guell) เป็นหนึ่งในงานสุดรักสุดหวงที่เกาดี้อุทิศให้กับชาวเมือง สร้างปีค.ศ.1900 – ค.ศ.1914 นำถ่ายภาพสถานที่สุดท้ายของเกาดี้ คือ “โบสถ์ซากราด้า ฟามิเรีย” โบสถ์ที่มีชื่อเสียงและความงามความวิจิตรที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยยังคงสร้างไม่เสร็จจนถึงปัจจุบัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ขึ้นชมวิวของเมืองบนยอดเขามอนต์จูอิก และเข้าสู่จัตุรัสกาตาลุนญ่า จุดเริ่มของย่านถนนคนเดิน “Las Ramblas” เป็นถนนที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในบาร์เซโลน่า มีทั้งสินค้านานาชนิด, แผงดอกไม้, ศิลปินเร่และละครใบ้ ปลายสุดของถนนเป็นอนุสาวรีย์โคลัมบัส นักเดินเรือผู้ค้นพบโลกแถบใหม่หมู่เกาะเวสต์อินดีส และอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งย่านถนนกราเซีย ที่คราคร่ำไปด้วยสินค้าแบรนด์เนมก่อนเดินทางกลับ
รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
และเมื่อได้เวลาอันสมควรเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานบาร์เซโลนา-เอล แปรต เพื่อทำการเช็คอิน การคืนภาษีสำหรับการช้อปปิ้ง และเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร โดยเที่ยวบินที่ EK188 เวลา 22.40 – 07.35 (+1) น. (ณ เวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เพื่อรอเปลี่ยนเครื่องเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
Day9
ดูไบ – กรุงเทพมหานคร
ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK372 เวลา 09.40 – 19.15 น.(ณ เวลาท้องถิ่นประเทศไทย) ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
“ขอขอบพระคุณสำหรับความสนใจ และความไว้วางใจในการร่วมเดินทางไปเปิดประสบการณ์กับเรา แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางในภาคต่อไป ขอบคุณครับ/ค่ะ”