เชิญท่านเยี่ยมชมมนต์เสน่ห์แห่งยุโรปเหนือ กับเรื่องราวที่น่าสนใจและน่าค้นหาของชนชาติเยอรมัน ตามรอยเรื่องราวและความรุ่งเรืองแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นรากฐานของความยิ่งใหญ่และเกรียงไกรสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการเดินทางสุดคลาสสิคในดินแดนที่เคยตกอยู่ท่ามกลางสมรภูมิสงครามโลก ที่นี่คือ สาธารณรัฐเช็กและเยอรมนี
Day1
นัดพบเพื่อทำการเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ
นัดหมายคณะพร้อมกันที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เคาน์เตอร์ T ชั้น 4 (ประตู 9) โดยมีเจ้าหน้าที่สิริ ทัวร์เซ็นตอร์คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน
Day2
กรุงเทพ ฯ – ดูไบ – ปราก
เดินทางจากกรุงเทพมหานคร ด้วยสายการบินระดับโลกอย่าง “เอมิเรตส์ แอร์ไลน์” โดยเที่ยวบินที่ EK419 เวลา 02.40 – 06.05 (ณ เวลาท้องถิ่นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) รอต่อเครื่องที่ดูไบเพื่อเดินทาง ไปยังเมือง “ปราก” เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก โดยเที่ยวบินที่ EK139 เวลา 09.05 – 13.30 (ณ เวลาท้องถิ่นประเทศสาธารณรัฐเช็ก) เดินทางถึงกรุงปราก เมืองหลวงแห่งประเทศสาธารณรัฐเช็ก ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและเมื่อได้สัมภาระเรียบร้อย นำคณะเดินทางด้วยรถโค้ชปรับอากาศเข้าสู่เมืองปราก
เดินเยี่ยมชมเมืองมรดกโลกย่านเมืองเก่ากรุงปราก เพื่อชมนาฬิกาดาราศาสตร์ชื่อก้องโลก โดยเมื่อเวลาครบทุก ๆ ชั่วโมง จะมีเสียงบรรเลงและตุ๊กตาออกมาเริงระบำสวยงาม อิสระช้อปปิ้งย่านเมืองเก่า อาทิ ชวาลอฟสกี้ อัญมณี เครื่องพอร์ซเลนเป็นต้น
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day3
ปราก – ปราสาทปราก – ชมเมืองเก่า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เดินเยี่ยมชมเมืองมรดกโลกกับมัคคุเทศก์ท้องถิ่น เริ่มต้นที่การเข้าชม “ปราสาทปราก” (Prague castle) เป็นพระราชวังหลวงและที่ว่าราชการของกษัตริย์แห่งโบฮีเมีย เริ่มสร้างปี ค.ศ.870 และมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบาโรก นอกจากนี้ภายในปราสาทยังมีมหาวิหารเซนต์วิตุส (St. Vitus cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์หลวงเก่าแก่ โดยเริ่มสร้างปี ค.ศ.930 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิก ภายในประดับด้วยกระจกสี (stain glass) อย่างงดงาม จากนั้นเดินเยี่ยมชมบริเวณโดยรอบ อาทิ ที่ทำการรัฐบาล ชุมชนเล่นแร่แปรธาตุ เป็นต้น และสุดท้ายเก็บภาพวิวทิวทัศน์ที่ล้ำค่าบนเนินปราสาทปราก
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินเยี่ยมชมเมืองมรดกโลกย่านเมืองเก่ากรุงปราก ซึ่งประกอบไปด้วย สะพานชาร์ล สะพานหินเก่าแก่ที่ข้ามแม่น้ำ “วัลตาวา” สะพานแห่งนี้เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของกรุงปราก มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และเป็นหนึ่งในสะพานที่งดงามมากที่สุดในยุโรปและหยุดขอพรกับนักบุญจอห์นแห่งเนโปมุข อิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจกับสะพานที่สวยที่สุดแห่งนี้
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day4
ปราก – มาเรียนสกี ลาสนี – คาโลวี วารี
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เดินทางไปยังเมืองคาโลวี วารี (Karlovy vary) (127 ก.ม.) เมืองพักตากอากาศชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงเรื่องน้ำแร่และสปา โดยแวะเปลี่ยนอิริยาบถและเก็บภาพที่เมือง “มาเรียนสกี ลาสนี” (Mariensky Lazny) มีบรรยากาศที่สวยงาม และมีอาคารรูปแบบนีโอคลาสสิก เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นเดินเยี่ยมชมเมืองคาโลวี วารี เพื่อชมความงดงามของเมืองแห่งการตากอากาศและการทำสปา เมืองแห่งน้ำแร่ที่ใหญ่สุดของประเทศเช็ก ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่อุดมสมบูรณ์และมีแม่น้ำเทปลา (Tepla River) ไหลอยู่รอบเมือง ปัจจุบันมีน้ำพุ น้ำแร่อุณหภูมิตั้งแต่ 42–72 องศาเซลเซียสทั้งหมด 12 แห่ง นำท่านเดินสำรวจและชิมน้ำแร่ธรรมชาติ 3 จุด ที่มีระดับความเข้มข้นแตกต่างกัน ถ่ายภาพกับอาคารทิสนีโคโลนาด อาคารรูปแบบวิคตอเรียนแปลกตา และอิสระช้อปปิ้งกับสินค้าท้องถิ่น เช่น เครื่องแก้วพอร์ซเลน เหล้าเบเชอลอฟก้า เป็นต้น
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day5
คาโลวี วารี – เดรสเด้น – ไมส์เซน – เบอร์ลิน
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
ออกเดินทางไปยังเมืองเดรสเด้น (Dresden) ประเทศเยอรมนี (170 ก.ม.)เที่ยวชมเมืองอัญมณีแห่งลุ่มน้ำเอลเบอ เดรสเด้นได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นอย่างมาก แต่ได้มีการบุรณะซ่อมแซมสร้างเลียนแบบของเดิมเกือบทั้งหมด แวะเก็บภาพกับเซมเพอร์โอเปร่าและพระราชวังสวิงเกอร์ จากนั้นไปที่โบสถ์เฟราเอ่น (Frauenkirche) สัญลักษณ์อันดับหนึ่งของเมืองที่ถูกสร้างในรูปแบบบาโรก และเมื่อเวลาอันสมควรเดินทางต่อ
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางไปยังตำบลไมส์เซน (Meissen) เพื่อเก็บภาพกับปราสาทโบราณ “อัลเบรคสบูร์ก” (Albrechtsburg Castle) ริมแม่น้ำเอลเบอ (Elbe River) สร้างปี ค.ศ.929 โดยกษัตริย์เฮนรี่ที่ 1 ถือเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดของเยอรมนี เยี่ยมชมศูนย์การแสดงสินค้าไมส์เซน เพื่อเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกที่มีชื่อเสียง ได้แก่ เครื่องเคลือบพอร์ซเลน ซึ่งใช้เทคนิคการทำจากดินเหนียวแข็ง เพื่อความทนทานของเครื่องเคลือบ ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดแห่งแรกของยุโรป จากนั้นเดินทางต่อไปยังกรุงเบอร์ลิน (Berlin) (195 กิโลเมตร) เพื่อเยี่ยมชมความงามของเมืองหลวงแห่งเยอรมนีในวันรุ่งขึ้น
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day6
พอตสดัม – เบอร์ลิน
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
ออกเดินทางไปยังตำบอลพอตสดัม (Potsdam) เพื่อเยี่ยมชมพื้นที่มรดกโลก คือ พระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพื้นพิภพ “พระราชวังซ็องซูซี” (Sanssouci palace) ดำริสร้างโดยพระเจ้าเฟดเดอริกที่ 2 แห่งรัสเซีย สร้างในปี 1745 ในรูปแบบร็อคโคโค ภายในประดับตกแต่งด้วยชวาลอฟสกี้จากออสเตรียที่สวยงาม ตระการตา และชมสวนเล่นระดับด้านนอกถูกจัดวางในรูปแบบบาโรกที่สวยงามยิ่งใหญ่อลังการ
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เยี่ยมชมเบอร์ลิน เริ่มจากการเข้าสู่ อีสต์-ไซด์-แกลลอรี่ ตามรอยของกำแพงเบอร์ลินที่ยังหลงเหลือและเป็นจุดสนใจของกำแพงกว่า 1,200 หลา ที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพวาดจากศิลปินกว่า 118 ท่าน บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านชมเช็คพอยท์ชาร์ลี ซึ่งเป็นเขตพรมแดนการปกครองระหว่างอเมริกาและรัสเซีย จากนั้นไปเก็บภาพกับเบอร์ลินโดม มหาวิหารโปรเตสแตนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี สร้างในรูปแบบอิตาเลียนเรเนซองส์ และถ่ายภาพกับประตูบรันเดนบวร์ก สัญลักษณ์แห่งชัยชนะของเมือง รวมไปถึงสวนอนุเสาวรีย์รำลึกถึงคนยิวที่เสียชีวิตในสงครามโลก (Holocaust) สัญลักษณ์ที่ผู้คนทั่วโลกจดจำและเก็บภาพกับอาคารไรช์สตัคด์ (1884) อาคารรัฐสภาแห่งชาติเยอรมนี ที่เป็นศิลปะอิตาเลียนเรเนซองส์ที่สวยแปลกตา
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day7
เบอร์ลิน – เบรเมน – ฮัมบูร์ก
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เดินทางต่อไปยังตอนเหนือของเยอรมนี เพื่อเยี่ยมชมเมืองเบรเมน (Bremen) เมืองมรดกโลกที่เก่าแก่และเป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์มากที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรปเหนือ มีบรรยากาศสวยงามอย่างมาก จนไม่อาจพลาดได้ด้วยประการทั้งปวง (400 ก.ม.)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินเยี่ยมชมเมืองเบรเมน เริ่มที่จัตุรัสกลางเมือง (Market square) ซึ่งบริเวณโดยรอบจัตุรัสนี้มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ ๆ ของเมืองเบรเมน ที่ทั้งเก่าแก่ สวยงามและมีคุณค่าเป็นมรดกโลกอยู่ อาทิ ศาลาว่าการเบรเมน , รูปหินแกะสลักโลแลนนักรบคู่กายของกษัตริย์ชาร์ลเลอมาญ, รัฐสภาแคว้นเบรเมน , โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ที่มีเรื่องราวความเป็นมากว่า 1,200 ปี และรูปหล่อบรอนซ์ลานักดนตรี ที่หากใครแวะมาที่เบรเมน ก็ต้องมาลูบขาของเจ้าลาเพื่อขอพร ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเบรเมนทั้งสิ้น และเมื่อได้เวลาอันสมควรเดินทางต่อไปยัง เมืองท่าทางตอนเหนือที่ใหญ่ที่สุด และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเยอรมนีรองจากเบอร์ลิน นั่นคือ “เมืองฮัมบูร์ก” (Hamburg) (120 ก.ม.)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day8
เยี่ยมชมฮัมบูร์ก – ดูไบ – กรุงเทพมหานคร
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
เดินทางเยี่ยมชมเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ได้แก่ “เมืองฮัมบูร์ก” มีแม่น้ำเอลเบอ (Elbe) ไหลผ่านกลางเมือง โดยเริ่มต้นเก็บภาพกับโบสถ์เซนต์ไมเคิล สร้างปี ค.ศ.1669 ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์และสิ่งก่อสร้างแห่งแรกทางฝั่งเมืองใหม่ จากนั้นผ่านชมอาคารชีลีเฮ้าส์ (Chilehuas) สร้างด้วยอิฐทั้งหลังในรูปแบบบลิก-เอ็กเพรสชั่นนิสต์ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกด้วย เดินทางต่อไปยังจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลางของเมืองฮัมบูร์ก ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเขตเมืองเก่า เดินทางตรงต่อไปที่ท่าเรือ เพื่อล่องเรือชมความงดงามริมสองฝากฝั่งของแม่น้ำเอลเบอ โดยจะผ่านส่วนที่สำคัญ ได้แก่ “สไปเชอร์สตัต” (Speicherstadt) คือบริเวณส่วนที่เป็นโกดังริมน้ำ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1883 ในรูปแบบนีโอคลาสสิค-โกธิก ในช่วงเวลาดังกล่าวที่นี่เคยมีโกดังสินค้าริมน้ำมากที่สุดในโลกจนทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปัจจุบัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
อิสระช้อปปิ้ง ณ ย่านถนนคนเดินนอยเออร์วอลและย่านทางเดินริมน้ำถนนยุงฟันชตีก (Jungfernstieg) ซึ่งมีสินค้าแบรนด์เนมให้ท่านเลือกสรรมากมาย อาทิ Hermes, Chanel, Loui Vuitton, Dior, Watches ฯลฯ
เมื่อได้เวลาอันสมควรเดินทางไปยังท่าอากาศยานฮัมบูร์ก เพื่อทำการเช็คอินและคืนภาษีสำหรับการช้อปปิ้ง และเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK062 เวลา 21.35 – 05.45(+1) น. (ณ เวลาท้องถิ่นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เพื่อรอเปลี่ยนเครื่องเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
Day9
ดูไบ – กรุงเทพมหานคร
ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK418 เวลา 08.45 – 18.15 น. (ณ เวลาท้องถิ่นประเทศไทย) ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
“ขอขอบพระคุณสำหรับความสนใจ และความไว้วางใจในการร่วมเดินทางไปเปิดประสบการณ์กับเรา แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางในภาคต่อไป ขอบคุณครับ/ค่ะ”