เยี่ยมชมดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ บริบูรณ์ไปด้วยมรดกโลกทางสถาปัตยกรรมและสถานที่อันน่าตื่นตาตื่นใจ เพลิดเพลินไปกับการเยี่ยมชมบรรยากาศเมืองเก่า รวมไปถึงความหรูหราในเมืองชั้นนำของโลก ตระเวนเดินทางตั้งแต่เหนือจรดใต้ ในประเทศที่ยิ่งใหญ่และอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พร้อมของฝากที่ระลึกมากมาย เพราะที่นี่คือ ประเทศฝรั่งเศส
Day1
นัดพบเพื่อทำการเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ
นัดหมายคณะพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เคาน์เตอร์ T ชั้น 4 (ประตู 9) โดยมีเจ้าหน้าที่สิริ ทัวร์เซ็นเตอร์คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน
Day2
กรุงเทพ ฯ – ดูไบ – นีซ – ริเวียร่า
เดินทางจากกรุงเทพมหานคร โดยสายการบินระดับโลกอย่าง ”เอมิเรตส์ แอร์ไลน์” เที่ยวบินที่ EK371 เวลา 02.25 – 05.35 น. (ณ เวลาท้องถิ่นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) รอเปลี่ยนเครื่องไปยังสนามบินนีซ โค้ท เดซู กรุงนีซ ประเทศฝรั่งเศส โดยเที่ยวบินที่ EK077 เวลา 08.45 – 13.40 น. (ณ เวลาท้องถิ่นประเทศฝรั่งเศส) เมื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และได้สัมภาระเรียบร้อย จากนั้นคณะเดินทางด้วยรถโค้ชปรับอากาศ นำท่านเดินทางสู่ “เมืองแซงปอล เดอวองซ์” (Saint Paul de Vence) เมืองเก่าแก่ที่อยู่บนยอดเขาเหนือชายหาดริเวียร่า จุดหมายปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบศิลปะและของโบราณ ชมบรรยากาศบ้านเมืองที่ถูกสร้างด้วยหิน พร้อมประดับด้วยต้นไม้หลากหลายสีสัน ตามแบบของเมืองยุคกลาง (Medieval age) นำท่านชมลานน้ำพุโบราณ ใจกลางเมือง ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในฝรั่งเศส อิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจของเมืองแสนอบอุ่น สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองนีซ (Nice)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day3
นีซ – โมนาโก – นีซ
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ราชรัฐโมนาโก รัฐอิสระที่เล็กเป็นอันดับ 2 ของโลก ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ที่ซุกซ่อนความงามที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ นำท่านชมพระราชวังโมนาโก ที่พำนักอย่างเป็นทางการของเจ้าชายแห่งโมนาโก จากนั้นนำท่านสู่มหาวิหารเซนต์นิโคลัส (Saint Nicholas Cathedral) โบสถ์ประจำชาติและประจำราชวงศ์โมนาโก เป็นที่ฝังพระศพของราชวงศ์โมนาโก อาทิ เจ้าหญิงเกรซ เคลลี อดีตพระมเหสีของเจ้าชายและเป็นดาราฮอลลีวูด ที่สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ รวมไปถึงเจ้าชายเรนิเยร์ที่ 3 กษัตริย์องค์ก่อนและพระสวามี ของเจ้าหญิงเกรซ ที่เพิ่งสิ้นพระชนม์ไปเมื่อปี 2005
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเยี่ยมชมเขตมอนติ คาร์โล (Monte Carlo) ด้วยภูมิประเทศที่ติดชายหาดของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งเมือง ทำให้เมืองนี้ถือเป็นสวรรค์บนดินที่นักท่องเที่ยวหลายคนสนใจอยากจะมาเยี่ยมเยือน ด้วยชายหาดของที่นี่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมากมาย เช่นเดียวกับความสวยงามของเมือง โดยเมืองนี้ยังถูกใช้ให้เป็นสนามแข่งรถสูตร 1 หรือ Formula-1 อีกด้วย ภายในเมืองยังมีคาสิโนที่หรูหราอลังการและเก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย เก็บภาพความประทับใจ และสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองนีซ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day4
นีซ – คานส์ – อาวีญง
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านทางตอนใต้ของฝรั่งเศส คือ เมืองกราซ (Grasse) สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตน้ำหอมของฝรั่งเศสและของโลก โดยรอบบริเวณหมู่บ้านแห่งนี้จะมีสวนดอกไม้จำนวนมาก เป็นวัตถุดิบสำหรับในการผลิตน้ำหอม นำท่านเข้าชมโรงผลิตน้ำหอมฟราโกนาร์ด (Fragonard- Grasse Perfume Factory) โรงงานผลิตน้ำหอมอันเก่าแก่ มีชื่อเสียงและประวัติความเป็นมาที่ยาวนานพร้อมกับการสร้างเมืองแห่งนี้ จากนั้นนำท่านสู่เมืองท่าเรือขนาดเล็กอย่างเมืองคานส์ (Cannes) เมืองที่มีสีสันและได้มีการจัดงานเทศกาลเกี่ยวกับภาพยนตร์และแฟชั่นต่าง ๆ ของโลกอย่างมากมาย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่เมืองอาวีญง (Avignon) ( 240 ก.ม.) เมืองโบราณและหัวเมืองสำคัญของแคว้นโพรวองซ์ เมืองแห่งนี้เคยเป็นอดีตที่พำนักของพระสันตะปาปาแคลม้องท์ที่ 5 ที่ย้ายมาพำนักในช่วงที่กรุงโรมมีความวุ่นวายในศตวรรษที่ 14
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day5
อาวีญง – เลโบซ์ เดอ โพรวองซ์ – ปงดูว์การ์ – อาวีญง
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านชมพระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวีญง สถานที่ที่ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลก สร้างในรูปแบบโกธิก ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และนำท่านชมสะพาน “เลอปง แซงต์เบเนอเซ่” (Le Pont St.Bénezet) สะพานที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองอาวิญง ตัวสะพานทอดยาวไปถึงฝั่งเนิฟ เมืองอีกฟากหนึ่งของเมืองอาวิญง จากนั้นเดินทางสู่เมือง “เลโบซ์ เดอ โพรวองซ์” (Les Baux de Provence)
ถูกสร้างขึ้นในสมัยยุคกลาง และเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์สวยงามที่สุดในฝรั่งเศส
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ชมอาคารบ้านเรือนที่ส่วนใหญ่สร้างจากหินปูน พบกับร้านค้าที่ขายของที่ระลึกในรูปแบบโพรวองซ์ ชมปราสาทโบราณ “ชาโตว์ เดส โบซ์” (Château des Baux) ซึ่งเป็นของอดีตเจ้าเมืองที่เคยปกครองเมืองนี้ เมื่อได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางไปชมสะพานส่งน้ำ “ปงดูว์การ์” (Pont du Gard) มรดกโลก 2,000 ปี สร้างโดยจักรวรรดิโรมัน ท่านสามารถเก็บภาพความประทับใจอย่างเต็มที่ จนได้เวลาอันสมควรเดินทางกลับไปที่เมืองอาวีญง
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day6
อาวีญง – นีม – อาร์ลส์ – การ์กาซอน
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำคณะเดินทางสู่เมืองนีม เมืองเล็ก ๆ ที่มีเอกลักษณ์และความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยโรมัน โดยเมืองนี้ถูกรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์มาก จนได้รับฉายาว่า “กรุงโรมแห่งฝรั่งเศส” โดยจะผ่านชมบรรยากาศในตัวเมืองและตรงไปยัง สนามกีฬาประจำเมืองนีม (Arena of Nimes) เป็นสนามกีฬาแบบโรมันที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองอาร์ลส์ (Arles) เมืองมรดกโลกที่มีสิ่งก่อสร้างของชาวโรมันอยู่มากมาย เดินสำรวจสถาปัตยกรรมโรมันโบราณ อาทิ โรงละครแบบกรีกโบราณ สนามกีฬาประจำเมืองอาร์ลส์ เป็นต้น
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำคณะเดินทางสู่เมืองการ์กาซอน (Carcassonne) (222 ก.ม.) ชมเมืองมรดกโลกที่มีประวัติเก่าแก่กว่า 3,500 ปี ถูกสร้างขึ้นในช่วงยุคกลาง มีเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างมาก ด้วยการมีกำแพงป้องกันเมืองล้อมรอบถึง 2 ชั้น มีป้อมปราการถึง 53 ป้อม โดยด้านในจะมีปราสาทของเจ้าเมืองการ์กาซอนอย่าง “ปราสาทกอมตัล” (Château Comtal) อิสระถ่ายภาพชมเมือง เมื่อได้เวลาอันสมควรเดินทางสู่เมืองการ์กาซอนใหม่
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day7
การ์กาซอน – บอร์โดซ์ – แซงต์ เตมิยอง
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ภาคตะวันตกของประเทศฝรั่งเศสที่เมืองบอร์โดซ์ แห่งแคว้นนูแวลากีเตน เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องไวน์มากที่สุดในโลก โดยมีหลายตำบลที่มีชื่อเสียง เช่น “แซงต์ เตมิยอง” “ปมโรน” “เมด็อค” เป็นต้น ตำบลดังกล่าวล้วนแต่เป็นแหล่งปลูกองุ่นที่นำมาผลิตไวน์ชั้นดีของโลก โดยที่นี่ผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งถือเป็นสินค้าเศรษฐกิจลำดับต้น ๆ ของประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย (336 ก.ม.)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเยี่ยมชมเมืองบอร์โดซ์ เก็บภาพกับมหาวิหารแห่งบอร์โดซ์ (Bordeaux Cathedral) และศาลากลางของเมือง (Palais Rohan) ที่จัตุรัสเปย์ เบอรองด์ (Place pey Berland) เมื่อได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่เขตแซงต์ เตมิยอง เพื่อชมขั้นตอนการผลิตไวน์และการทดลองชิมไวน์ เขตแซงต์ เตมิยองนับเป็นเขตพื้นที่เก่าแก่ที่สุดของแคว้น ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก ในฐานะตัวอย่างที่โดดเด่นของภูมิทัศน์กับไร่องุ่นประวัติศาสตร์ โดยมีการรักษาสภาพที่สวยงามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังคงทำการเพาะปลูกองุ่นที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตไวน์ชั้นดี โดยมีการกำหนดมาตรฐานการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพอย่างเคร่งครัด
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day8
แซงต์ เตมิยอง – ตูร์
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
ออกเดินทางสู่ภูมิภาคตอนกลางของประเทศฝรั่งเศส ที่เมืองตูร์ แคว้นซ็องทร์-วาลเดอลัวร์ โดยเมืองตูร์ถือเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นนี้ โดยแคว้นนี้มีชื่อเสียงมาจากสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณสถานอันได้แก่ ปราสาทเก่าของบรรดาชนชั้นสูงของประเทศฝรั่งเศสในยุคเรอเนสซองซ์ และถูกยกย่องให้เป็นพื้นที่มรดกโลกอีกด้วย (322 ก.ม.)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำคณะเดินทางเข้าชมปราสาทเชอนงโซ (Château de Chenonceau) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ปราสาทนี้มีชื่อเสียงและมีเอกลักษณ์อย่างมาก โดยตัวปราสาทถูกสร้างอยู่บนแม่น้ำเลอร์แชค์ ทอดตัวเรียงยาวเปรียบเหมือนสะพานข้ามแม่น้ำ มีการสร้างและต่อเติมอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงการขายส่งต่อผ่านรุ่นสู่รุ่นของบรรดาชนชั้นสูงของฝรั่งเศส เมื่อได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ปราสาทอีกหนึ่งแห่ง ได้แก่ ประสาทช็องบอร์ (Château de Chambord) ถูกสร้างตามพระประสงค์ของกษัตริย์ฟรองซัวร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณลุ่มแม่น้ำลัวร์ และเป็นที่แปรพระราชฐานของราชวงศ์สืบมา เก็บภาพความประทับใจอย่างเต็มอิ่ม จนได้เวลาเดินทางกลับเมืองตูร์
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day9
ตูร์ – มง แซงต์มิเชล – ก็อง
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงเหนือที่แคว้นนอร์มังดี ณ เมืองมง แซงต์มิเชล (Mont Saint Michel) โดยภูมิภาคนี้ถือเป็นบริเวณที่มีเมืองตากอากาศยอดนิยมของฝรั่งเศสอยู่มากมาย ซึ่งตั้งเรียงรายอยู่ตามแนวชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศ นอกจากนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างอันล้ำค่าของประเทศฝรั่งเศส ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมลำดับที่ 3 อยู่อีกด้วย ได้แก่ วิหารเซนต์มิเชล ( 273 ก.ม.)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำคณะเยี่ยมชมวิหารเซนต์มิเชล วิหารเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 โดยได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย ตัววิหารนั้นถูกสร้างอยู่บนยอดเขาที่โผล่ขึ้นมาริมฝั่งทะเลอย่างโดดเดี่ยว ทำให้ตัววิหารเซนต์มิเชลนี้โดดเด่นและสวยงามสะดุดตาเป็นอย่างมาก อิสระให้ท่านเดินสำรวจและถ่ายภาพกับสถาปัตยกรรมล้ำค่าแห่งนี้ จนได้เวลาอันสมควรเดินทางสู่เมืองก็อง (130 ก.ม.)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day10
ก็อง – แวร์ซายส์ – ปารีส
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบทที่มีชื่อว่า จิแวร์นี (Giverny) เพื่อชมบ้านของ “โกลด โมเนต์” ศิลปินยุคอิมเพรสชันนิสม์ที่โด่งดัง บ้านสองชั้นหลังนี้ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้นานาชนิด ห้องและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในบ้านยังคงสภาพเดิม การประดับตกแต่งบ้านภายในสะท้อนให้เห็นลักษณะนิสัยของโมเนต์ ไฮไลท์ของบ้านคือสวน 2 แห่ง ได้แก่ สวนไม้ดอกคลาสสิคในรูปแบบฝรั่งเศส “คลอส นอร์แมนด์” (Clos Normand) และสวนไม้น้ำ บริเวณสวนไม้น้ำนั้นมีสระบัวอันเรื่องชื่อที่เป็นต้นกำเนิดของภาพเขียนที่โด่งดังที่สุดของโมเนต์ ได้แก่ “Water Lilies”
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ตำบลแวร์ซายส์ เพื่อเข้าชมความงดงามของพระราชวังแวร์ซายส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปฐพี มีการตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการ พร้อมด้วยมัคคุเทศก์ท้องถิ่น พาท่านชมห้องต่าง ๆ ของพระราชวัง นอกจากนี้สวนด้านหลังยังยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้ตัวพระราชวัง ตกแต่งด้วยรูปแบบบาโรก จนสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางไปยังนครปารีส
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
Day11
เยี่ยมชมปารีส – ดูไบ
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านชมนครปารีส นครที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำของแฟชั่น มนต์เสน่ห์อันล้นเหลือทำให้เมืองนี้ ติด 1 ใน 10 ของโลกที่นักท่องเที่ยวมีความต้องการมาเยือนมากที่สุด ผ่านชมจัตุรัสคองคอร์ด บริเวณที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวเนตถูกประหารชีวิต เข้าสู่ถนนชองป์เอลิเซ่ เพื่อนำท่านสู่ประตูชัย เก็บภาพความประทับใจ พร้อมชมบรรยากาศโดยรอบ ปาแลเดอชาโย โบสถ์แองแวลิด โรงเรียนนายร้อยทหารบก จากนั้นนำท่านสู่หอไอเฟล หอสูงเด่นตระหง่านที่โดดเด่นคู่เมืองปารีสมาอย่างยาวนาน นำท่านขึ้นชมจุดชมวิวของหอไอเฟล ชั้น2 โดยลิฟต์ อิสระให้ทุกท่านเก็บภาพความประทับใจของวิวเมืองปารีสในมุมสูง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
อิสระช้อปปิ้งกับร้านค้าปลอดภาษี รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าที่โด่งดัง มีชื่อเสียงมากที่สุด ณ ห้างแกลลอรี่ลาฟาแยต มีสินค้าแบรนด์เนม และของที่ระลึกมากมาย อาทิ แฮเมส ชาแนล หลุยส์ วิตตอง เป็นต้น
เมื่อได้เวลาอันสมควรเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติชาร์ล เดอโกล เพื่อทำการเช็คอิน การคืนภาษีสำหรับการช้อปปิ้ง จากนั้นเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK076 เวลา 21.35 – 07.20 (+1) น. (ณ เวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ )เพื่อรอเปลี่ยนเครื่องเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
Day12
ดูไบ – กรุงเทพมหานคร
ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK372 เวลา 09.35 – 18.40 น.(ณ เวลาท้องถิ่นประเทศไทย) ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
“ขอขอบพระคุณสำหรับความสนใจ และความไว้วางใจในการร่วมเดินทางไปเปิดประสบการณ์กับเรา แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางในภาคต่อไป ขอบคุณครับ/ค่ะ”